Image

IRON MAN 2 / ไอรอนแมน 2

“ภาคแรกคืองานชั้น First Class ภาคสองคืองานชั้นอะไรว้าาาา, แอ๊คชั่นสูตรสำเร็จให้ความบันเทิงแบบเต็มรูปแบบ!!”

หลังจากประสบความสำเร็จทั้งแง่เสียงวิจารณ์ และเสียงตอบรับ และรวมไปถึงความสำเร็จใน BoxOffice รายได้และกำไรรวมทั่วโลกไปเกือบ 600 ล้านทั่วโลก ทำให้ MARVEL STUDIOS จึงไม่รีรอและทำภาค 2 ออกมาโดยได้ทีมงานชุดเดิมและที่สำคัญ พระเอกคนเดิม Robert Dawney Jr. กลับมารับบท Tony Stark อีกครั้งด้วยความคาดหวังของแฟนๆและจะเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงสู่โครงการรวมพลหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด The Avengers

IRON MAN 2 เป็นเรื่องราวที่ห่างจากภาคที่แล้ว 6 เดือนหลังจากที่ Tony Stark ได้จัดการกับลุงของเขาและประกาศตนต่อหน้านักข่าวและคนทั่วโลกว่าเขาคือ “Iron Man” ซึ่งคาบเกี่ยวกับการต่อสู้ถล่มเมืองของฮัลค์และการปรากฏตัวของ… พอดี แต่การประกาศตนของ Tony Stark ได้สร้างความโกรธแค้นต่อคนที่มีอดีตอันเลวร้ายต่อพ่อของโทนี่และบริษัท Stark Indrustries “Howard Stark” นั้นก็คือ “อีแวน แวนโก้” นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่มีความแค้นสุมอกอย่างมากที่พ่อของโทนี่แอบขโมยงานของพ่อของอีแวนไปเป็นของตนนั้นก็คือ Arc Reactor ทำให้เขาแอบคิดค้นอาวุธที่จะมาแก้แค้นให้พ่อของตัวเองและจะมาจัดการกับโทนี่ สตาร์ค, หลังจากประกาศตนว่าคือ Iron Man โทนี่ได้จัดงาน Stark Expo ขึ้นมาเพื่อโชว์งานของบริษัทของตน โทนี่ได้รับรู้ว่าตนเองจะตายจากผลข้างเคียงของธาตุพาลาเดียมที่อยู่ใน Arc Reactor ที่ทำให้เขารอดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็จะกลับมาทำร้ายตนและในขณะเดียวกัน โทนี่ก็ถูกรัฐบาลกดดันให้เปิดเผยและส่งมอบชุดเกราะ Iron Man ให้รัฐบาล (ซึ่ง ณ ตรงนี้จะเปิดเผยบุคคลสำคัญต่อภาคนี้อย่างมากก็คือ “จัสติน แฮมเมอร์” เพื่อนเล่นสมัยเด็กและคู่แข่งในตอนโต และเจ้าของบริษัท Hammer Indrustries คู่แข่งบริษัท Stark Indrustries) แต่โทนี่ก็สามารถแก้ต่างและเอาตัวรอดมาได้จากความสามารถของตนและความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ของ เจมส์ โรดส์ เพื่อนซี้ของตัวเอง

โทนี่ได้ประกาศแต่งตั้ง เป๊ปเปอร์ พ๊อตส์ เลขาของตนให้ก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของบริษัทของตนแทนตนเอง และ เป๊ปเปอร์ ได้หาเลขาคนใหม่มาเพื่อเป็นเลขาของตน ซึ่งก็คือ “นาตาลี รัชแมน” (นาตาชา โรมานอฟฟ์) สาวสวยเซ๊กซี่ผู้มีเบื้องลึกเบื้องหลังอันน่าสงสัย, โทนี่ สตาร์ค ได้มางาน แข่งรถกรังซ์ปรีซ์ที่โมนาโก และโทนี่ได้ลงแข่งรถเองซะเลย แต่ระหว่างการแข่งนั้นเองที่ อีแวน ได้ปรากฏตัวออกมา และออกมาจัดการโทนี่ในนามของ “วิปแลช” ซึ่งโทนี่ก็ได้สวมชุด Iron Man ชุดเกราะรูปแบบที่ 5 ขนาดพกพา หรือ Mark V ออกมาสู้และจัดการวิปแลชไปได้ ซึ่งก็ทำให้โทนี่สงสัยเป็นอย่างมากว่าทำไมอีแวนถึงมี Arc Reactor ได้, แฮมเมอร์ได้แอบช่วยอีแวนออกมาจากคุกเพื่อให้มาช่วยออกแบบชุดเกราะเพื่อกลบรัศมีของชุดเกราะ Iron Man, โทนี่ได้จัดงานวันเกิดขึ้นมาซึ่งงานวัดเกิดโทนี่ได้แสดงความบ้าอย่างถึงกึ๋น ทำให้ เจมส์ โรดส์ ต้องสวมชุดเกราะ Iron Man Mk.II ออกมาสงบสติโทนี่ที่สวมเกราะ Iron Man Mk.IV อยู่และแน่นอนครับว่าบ้านเละ และโทนี่พ่ายแพ้ เจมส์เอาชุดเกราะไปให้กองทัพได้และชุดเกราะก็โดนปรับปรุงจนกลายเป็น…

โทนี่ที่เคว้งคว้างหมดอาลัยตายอยากและที่นี้เขาได้พบกับ “นิค ฟิวรี่” และรู้ตัวตนที่แท้จริงของ นาตาลีว่าเป็นหนึ่งในคนขององค์กรหน่วย S.H.I.E.L.D “Black Widow” เขาได้รับการช่วยเหลือจากฟิวรี่ให้ช่วยยับยังการลุกลามชั่วขณะของพาลาเดียม ซึ่งฟิวรี่แนะนำให้ทดลองของบางอย่างที่จากของที่ผ่านมาจากยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ของๆพ่อเขาเองและโทนี่ได้ทดลองแต่เขาได้รับความข้อเห็นจากพ่อของเขาผ่าน Video อันเก่าและโทนี่ได้ขับรถไปบริษัทเพื่อขอโทษเป๊ปเปอร์แต่ก็ บลาๆๆ เป๊ปเปอร์ไม่ยกโทษ แต่ๆๆ ในเรื่องร้ายยังมีเรื่องดี โทนี่ ได้เจอแบบของโครงการ Stark Expo เมื่อปี 1974 โทนี่ได้ไขความลับที่มีอยู่ในโครงการอันนั้นได้สำเร็จและทำให้ก่อเกิดธาตุใหม่ที่ทำให้เข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปได้, เอเยนต์โคลสันได้มาบอกว่าเขาต้องออกไปทำภารกิจบางอย่าง และอีแวนโทรมาบอกโทนี่ว่าเขาสร้างอาวุธสำเร็จและจะเปิดโปงความอัปยศของตระกูลสตาร์ค, ณ งาน Stark Expo จัสติน แฮมเมอร์ได้นำอาวุธใหม่มาโชว์นั้นก็เหล่าหุ่นยนต์ทหารแฮมเมอร์โดรน และ หุ่นที่มีรูปแบบเหมือน Iron ManWAR MACHINE” สตาร์คได้ปรากฏตัวพร้อมกับชุดเกราะชุดใหม่ Mk. VI

ซึ่งก็ทำให้ อีแวนสั่งเหล่าหุ่นแฮมเมอร์โดรนและที่สำคัญสั่ง War Machine ให้ออกโจมตี Iron Man ในทันทีซึ่งก็ทำให้งาน Stark Expo เละจนพังพินาศและเพื่อจะหยุดการโจมตี แบล็ค วิโดว์ได้บุกไปถึงบริษัทของแฮมเมอร์และก็ทำให้แบล็ค วิโดว์โชว์ความสามารถเต็มที่และก็หยุดระบบของ War Machine ไว้ได้ ทำให้ Iron Man และ War Machine ก็จัดการกับหุ่นแฮมเมอร์โดรนไปได้จนหมด และทีนี้เองก็อีแวนก็ปรากฏตัวต่อหน้าทั้งคู่ในชุดวิปแลชที่อัพเกรดมาแล้ว “Whiplash Mk. II” และในที่สุดทั้งคู่ก็ได้ออกมาต่อสู่กับวิปแลช และในที่สุดก็…

ภาคนี้แอ๊คชั่นมาแบบจัดเต็มให้ความบันเทิงคนดูแบบใส่ไม่ยั้งกันเลยทีเดียวและการเห็นหุ่นของ Scarlett Johansson ในชุด Black Widow นั้นก็คือสิ่งที่น่าจดจำมากที่สุดในหนังภาคนี้ไม่ใช่เพราะว่าหนังมันแย่หรือบทห่วยอะไรหรอกนะครับ MARVEL ทำซะอย่าง แต่ที่อยากจะบอกก็คือตัวหนังนั้นใส่อะไรที่ดูเกินความจำเป็นมาเยอะเกินไปหน่อยทั้งตัวหนังที่ยึดเนื้อเรื่องซะโอ้โห้เอิม… ไม่ต้องยึดก็ได้นะ MARVEL จริงๆ ช่วงตอนทำการค้นหาธาตุใหม่ รวบรัดหน่อยก็ได้ครับ ยึดซะ และการพูดคุยของ Justin Hammer กับ Ivan Vanko นี่ก็ใส่มาเยอะเกินความจำเป็นไปหน่อย แต่สิ่งที่พอมากลบเกลื่อนอะไรที่เกินความจำเป็นไปหน่อยก็คือมุกตลกเลยครับ ตลกในช่วงที่จะต้องตลกและการใส่มาในช่วงที่ต้องปล่อยให้ตลก หนังก็ปล่อยออกมาแบบทุกจังหวะจริงๆ ลื่นไหลไปกับเนื้อเรื่องอย่างมากครับ และก็ที่ชอบมากๆ อีกอย่างนึงนั้นก็คืออารมณ์ของโทนี่ สตาร์ค ครับหนังสามารถถ่ายทอดของคนที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตายออกมาได้ดีครับ การที่ก่อนตายขอบ้าให้สุดในงานวันเกิดของตัวเอง หนังทำออกมาในส่วนนั้นได้ดีครับและการที่รู้ว่าจะตายก็ขอที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในชีวิตให้หมด นั้นก็คือการขอโทษเป๊ปเปอร์ครับ หนังเล่นออกมาได้อย่างดูเศร้าสงสารอยากให้เป๊ปเปอร์ให้อภัย แต่หนังก็นะ ยังสามารถทำให้เราแอบตลกตัวโทนี่ได้ ซึ่งก็คงเป็นการใส่อารมณ์กุ๊กกิ๊กในอารมณ์ที่ไม่น่ากุ๊กกิ๊กเข้ามาได้อย่าว OK เลยขอปรบมือให้ MARVEL อีกทีครับ แปะๆๆๆ

แต่ขอเสียอีกอย่างเลยครับของหนังภาคนี้ที่สู้ภาคแรกไม่ได้ก็คือ เคมีที่ไม่ลงตัวเท่าไรดูขัดๆของ โทนี่ สตาร์คกับ เจมส์ โรด์ส ครับลองนึกเล่นเลยครับว่า การแสดงของ เทอร์เรนซ์ โฮเวิร์ด กับ ดอน ชิเดิล เมื่อต้องแสดงกับโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ คนใหนไหลลื่นมีเคมีในการแสดงที่ลงตัวกว่ากัน ซึ่งเมื่อพูดถึงดาวนีย์ จูเนียร์แล้ว ก็ไม่ต้องพูดถึงกับการแสดงเป็น โทนี่ สตาร์คแล้วละครับ ภาคแรกสุดยอดยังไงภาคนี้ก็ยังแสดงได้ดีอย่างนั้นครับ, สการ์เลตต์ โจฮันสสัน เธอแสดงในสีหน้าที่นิ่งมากแต่สุดยอดมากตอนใส่ชุดหนังและออกแอ๊คชั่น ทำให้ผมแทบจะเคลิบเคลิ้มไปกับเธอได้ง่ายๆ (ผมเชื่อว่าทุกคนก็เป็น) และที่สำคัญในภาคนี้อีกคนเลยครับ ตัวละครอย่าง “แฮปปี้ โฮแกน” ที่แสดงโดย ๆ ๆ ๆ ผู้กำกับของเรื่องอย่าง จอน ฟาฟโร สามารถเล่นเป็นตัวปล่อยมุกหลักของหนังได้อย่างขบขันมากๆ ครับ และดูขโมยซีนนิดหน่อยๆ เมื่อปรากฏตัว ส่วนดาราที่เหลืออย่าง มิคกี้ โร้ก, แซม ร็อคเวลล์, แซมมวล แอล. แจ๊คสัน หรือ กวินเน็ธ พลัทโทล เล่นในส่วนของตัวเองได้ดีและแสดงได้อย่างคุ้มค่าที่ตัวเองปรากฏโฉมบนจอ

ผู้กำกับ จอน ฟาฟโร กำกับหนังได้ดีอยู่แต่ไม่สามารถทำได้ดีและน่าจดจำเท่ากับภาคแรก แต่สามารถควบคุมตัวหนังให้ลงตัวได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แม้จะยึดเยื้อไปหน่อยก็ตาม แต่ทั้งมุมมองของตัวละครและฉากแอ๊คชั่นทั้งที่สนามแข่งรถ และฉากใน Stark Expo สามารถกำกับออกมาได้ดีพอสมควร และสามารถยกระดับ CG ขึ้นไปอีกขั้น และเหลือเชื่อที่กล้าเอาโล่ของกัปตันอเมริกามาทำอย่างนั้นได้ ฟาฟโร กล้าที่เลือกนำเสนอในด้านกำลังหาตัวเองของโทนี่ ออกมาได้อย่างเรียบๆแต่ดูใช้ได้ถ้าเทียบกับตัวเอง และไม่ต้องลงลึกมานักแต่เลือกที่จะทำให้โทนี่เป็นคนจิตตกแทนทำให้ตัวหนังไม่หนักเกินไปแบบ Spider-Man 1-2-3

สรุป
ถ้าเทียบกับภาคแรก ภาคสองอาจจะไม่ดีเท่าภาคแรก แต่หนังรู้จุดที่ต้องการจะนำเสนอ และเลือกที่จะพาตัวเองไปถึงจุดๆ นั้น ทั้งแอ๊คชั่นขายความอลังการงานสร้างและมุกตลกที่ขำขันแต่ก็ไม่ลืมที่จะวกกลับมาจริงจังได้เมื่อถึงเวลา และที่สำคัญเพลินทุกครั้งที่ Black Widow โผล่มาในจอ (หรือคุณไม่เป็น อิอิ)

ความยาวทั้งหมด 124 นาที
แอ๊คชั่นอลังการขาย CG ขนาดนี้เอาไปเลย 8/10