Image

THOR / ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า

เปิดเผยเนื้อเรื่องแบบจัดเต็ม ใครยังไม่ดูอย่าเพิ่งอ่านนะครับ

“บทห่วย เอฟเฟกต์ไม่เนียน ดูไม่รู้เรื่อง นักแสดงเล่นแย่ ผู้กำกับมากำกับหนังไม่ได้เรื่อง ไม่สนุก ไม่ตลก ไร้สาระ หนังแย่ ฯลฯ ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น…………………………… ไม่มีอยู่เลยใน THOR เทพเจ้าสายฟ้า”

หนังเรื่องที่ 4 ในจักรวาล MCU แต่ถ้าเทียบตรง TimeLine ก็คือหนังเรื่องสุดท้ายก่อนหน้า THE AVENGERS และ MARVEL ก็ยังทำร้ายคนดูเหมือนเดิม คือทำหนังได้ดีจนเกินไป และทำได้ทุกอย่างตามความคาดหวังของคนดู เพราะ ธอร์ (จริงๆ ต้องอ่านว่า ตอร์) เติมเต็มส่วนนึงของความเป็นหนังฮีโร่เรื่องนึง ที่เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่อย่างแท้จริง THOR เป็นหนังที่จำกัดความได้ว่าเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุด เทียบเท่า IRON MAN และ THE INCREDIBLE HULK (หลายคนบอกว่า THE DARK KNIGHT ดีที่สุด แต่สำหรับความคิดผมนั้นไม่ใช้ เพราะว่า THE DARK KNIGHT ดูเป็นหนังจารชนสายลับหักเหลี่ยมและจริงจังเกินไปมากกว่าการเป็นหนังฮีโร่ทั่วไป)

THOR เป็นเรื่องของเทพเจ้าสายฟ้าที่มีนามว่า ธอร์ เทพเจ้าที่ทรงพลังที่มีอาวุธเป็นค้อนที่ทรงพลานุภาพมากที่สุดในจักรวาล โยเนียร์ ค้อนที่สามารถสร้างพลังอันยิ่งใหญ่ให้แก่ผู้ใช้ วันนึงขณะที่ธอร์กำลังจะก้าวขึ้นรับการแต่งตั้งเป็นพระราชา แทนที่พ่อของเขา โอดิน มหานครแห่งรัตติกาล แอสการ์ดได้ถูกลอบโจมตีพวกยักษ์น้ำแข็งแห่ง โยธันไฮม์ โดยการยุยงส่งเสริมของ โลกิ น้องชายของธอร์ แต่ถูกโอดิน สกัดไว้ได้โดย หุ่นยักษ์เดสโตรเยอร์ ทำให้ธอร์ โกรธมากทำให้ยกพลไปโจมตีและทำลาย โยธันไฮม์ ทำให้โอดินโกรธมากและขับไล่ธอร์ไปยัง โลกมนุษย์ สกัดอำนาจพลังและสาปค้อนโยเนียร์ไว้ ว่า “ผู้มีพลังแห่งธอร์เท่านั้นที่จะสามารถใช้ค้อนนี้ได้”

พอธอร์มาถึงโลกเท่านั้นแหละครับ ความสนุกอันแท้จริงของหนังได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ธอร์ได้ถูกช่วยเหลือโดยนักวิทยาศาสตร์สาวสวยที่ชื่อว่า “เจน ฟอร์สเตอร์” และทีมงานของเธอ “ศจ. เอลริค เซลวิค” และ “ดาร์ซี่ ลูอีส” และเหมือนฟ้ากันแกล้งเมื่อค้อนโยเนียร์ได้ถูกหน่วย S.H.I.E.L.D ค้นพบและสืบหาข้อมูลของค้อนนี้, ธอร์ฟื้นขึ้นมาและด้วยความยิ่งพยองในความเป็นเทพและเจ้าชายของตน ทำให้โดนฤทธิ์ ของดาร์ซี่เข้าไป ทำให้ต้องไปนอนที่โรงพยาบาล (เทพเจ้าก็นอนโรงบาลได้นะครับ 55+), แต่เมื่อธอร์ฟื้นขึ้นมาด้วยความยิ่งพยองของตนอีกนั้นแหละทำให้ธอร์ต้องออกตามหา โยเนียร์ และทำให้ ธอร์ต้องบุกไปยังที่ๆ ค้อนตกลงมา แต่ก็ไม่สามารถยกค้อนขึ้นมาได้ (ณ จุดนี้เราๆ ท่านๆ จะได้พบกับอีก 1 ฮีโร่ นั้นคือ ฮีโร่ตาเหยี่ยว HAWKEYE หรือ คลินท์ บาร์ตัน), ณ แอสการ์ด โอดินได้เกิดป่วยขึ้นมา ด้วยการไซโค ของ โลกิ นั้นแหละ ทำให้ โอดินต้องหลับไหล และ โลกิได้ก้าวขึ้นเป็น ราชาแทนธอร์

และโลกิได้ลงมายังโลกและมาไซโค ธอร์ ว่าโอดินตายแล้วและโยนความผิดว่าเป็นความผิดของธอร์ที่ทำโอดินตายทำให้ธอร์หมดอาลัยความชีวิต, และเมื่อหน่วยองค์รักษ์และเพื่อนซี้ของธอร์ ทั้ง “โวลสแตค”, “โฮแกน”, “เฟดราล” และ “ซีฟ” รู้ว่า โลกิได้ก้าวเป็นพระราชาแทนทำให้ทั้งหมดต้องลงมาบอกกับธอร์ และลงมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ นายทวาร “ไฮม์ดาล”, เมื่อโลกิได้รู้ว่าทั้ง 4 ได้ลงมายังโลกแล้ว ทำให้โลกิได้ส่ง หุ่นพิฆาต เดสโตรเยอร์ ลงมากะจะฆ่าธอร์และ ก็ฆ่าได้จริงๆ แต่การที่โลกิมาไซโคธอร์ไว้ ก็ทำให้ ธอร์ตระหนักถึงพลังแห่งเทพและความดีในตัว ทำให้ธอร์ได้รับพลังของค้อนโยเนียร์ และกลายเป็น เทพเจ้าสายฟ้าอีกครั้งและจัดการหุ่นเดสโตนเยอร์ไปได้, และธอร์ต้องกลับไปยังแอสการ์ดเพื่อสั่งสอนโลกิน้องชายของตน และก่อนไปทำให้เกิดความรักกับ เจน

เมื่อธอร์กลับมาถึง แอสการ์ดเท่านั้นละ บทโศกเนื้อเรื่องดราม่าของพี่น้องๆ ก็เกิดขึ้นแบบลิเกฝรั่ง (จริงๆมันจะมีเรื่องราวของโลกิกับไฮม์ดาลและเรื่องโลกิกับพ่อแท้ด้วยแต่มันไม่จำเป็นเท่าไรที่จะมาบอกเล่า), และธอร์สามารถจัดการโลกิได้ด้วยการทำลายสะพานสายรุ้งทำให้แอสการ์ดตัดขาดกับโลกโดยสมบูรณ์ ทำให้โอดินฟื้นขึ้นมา เพื่อมาช่วยลูกทั้งสอง แต่โอดินไม่สามารถช่วย โลกิไว้ได้ และทำให้โลกิต้องหายสาบสูญไปจากแอสการ์ด

ความสุดยอดที่ต้องยอมรับก็คือ การเขียนบทหนังที่ทำได้อย่างไหลลื่น และ สนุกอยู่ตลอดเวลา พอจะต้องเล่นกับอารมณ์ก็สามารถดึงอารมณ์ร่วมกับคนดูได้อย่างสุดๆ สนุกตื้นเต้นอยู่ตลอดเวลา และด้วยการทำหนังสไตล์ MARVEL แท้ๆ (หลังจากถูกค่ายอื่นเอาฮีโร่ของตัวเองไปทำมิดีมิร้ายมาหลายรอบโดย เฉพาะ SPIDER-MAN, DAREDEVIL, GHOST RIDER) ที่จะมีการล้อเลียนต้นฉบับที่เป็นหนังสือของหนังเรื่องนั้นและ THOR ก็ไม่เป็นข้อยกเว้น และที่จะเป็นจุดที่ทำให้ฮาแตกอย่างนึงก็คือ การที่เจน ฟอร์สเตอร์ ส่งเสื้อของ ดร. โดนัลด์ เบลค แฟนเก่าของเธอให้ ธอร์ใส่ (ตามหนังสือการ์ตูนในจักรวาลหลักธอร์ถูกส่งมาโดยเป็นมนุษย์ธรรมดาโดยชื่อว่า โดนัลด์ เบลค) เป็นการล้อเลียนต้นฉบับของตัวเองได้อย่างสนุกมากของ MARVEL

หรือมุกตลกของหนังก็ตลกอย่างน่ารักๆมาก ส่วนมากก็จะเกิดจากธอร์เองนั้นแหละ ทั้งการอยากได้ข้าวเพิ่ม หรือ การโดยไฟฟ้าช๊อต (เทพสายฟ้าถูกไฟฟ้าช๊อต?) หรือมุกต่างๆของตัวละครอื่นๆ อย่าง ดาร์ซี่เป็นต้น แต่ถ้าจะติก็มีอยู่เพียงแค่เรื่องเดียว ก็คือ การปูบทเรื่องของความรักระหว่าง เทพสายฟ้า กับ ดร. สาวแสนสวย ที่บทจะรักๆ ก็รักกันง่ายๆ (เอ๊ะ หรือรักแรกพบเนี่ย O_o), การปูบทเรื่องราวของพี่น้องคู่นี้แม้จะจัดระดับได้ว่าเป็นลิเกฝรั่งแต่ ถามความคิดสิว่าลิเกแบบนี้มันสนุกหรือไม่ คำตอบก็คือสนุกซิ, เอฟเฟกต์ของหนังก็ไม่ได้กระจอก เพราะเอฟเฟกต์ของหนังอยู่นั้นขั้นที่ต้องร้องว่า โอโห้ กันเลยทีเดียว ดูแค่ฉากเปิดเรื่องใน นครแอสการ์ดสิ มันจะสุดยอดอะไรปานนั้น หรือฉากท้ายเรื่องสิ ผ่านมาปีแล้วฉากสะพานสายรุ้ง (ไบฟรอสต์) ยังจำติดตาอยู่เลย

ด้านนักแสดงที่เล่นในเรื่องนี้ที่เป็นที่ฮือฮาที่สุดก็คงไม่พ้น นาตาลี พอร์ทแมน ที่เพิ่งจะแสดง BLACK SWAN เสร็จ (ตอนแสดงธอร์ เป็นก่อนที่จะได้รับออสการ์) เธอคงไม่มาเล่นหนังอย่าง THOR แน่ถ้าหนังไม่มีอะไรดี (ก็อย่างที่ไปข้างต้นแล้วว่า เนื้อเรื่องการปูบทที่ดี) หรือสเตลแลน สการ์การ์ด ก็คงไม่มาเล่นหนังอย่างนี้แน่ ถ้าหนังมันไม่มีอะไร, THOR ยังเป็นการแจ้งเกิดของดาราหนุ่ม 2 คน คนแรกคือพ่อหนุ่มเทพเจ้าสายฟ้าอย่าง “คริส เฮมส์เวิร์ท” หลังจากเคยรับบทพ่อของกัปตันเจมส์ ที. เคิร์ก ใน STAR TREK แค่ 10 นาที พอมาเล่น ธอร์ คริส เฮมส์เวิร์ท แจ้งเกิดอย่างเต็มๆ กับการรับบทที่ใส่ซื่อของธอร์ได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งรอยยิ้ม ความน่ารัก และการแสดง และที่สำคัญกล้ามท้องที่ทำให้สาวใจละลาย คนที่ 2 ก็คือพ่อหนุ่ม เทพเจ้าแห่งการโกหก โลกิ ที่รับบทโดย “ทอม ฮิดเดิลสตัน” แววตาที่ดูเศร้าและการยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ ทำให้เราสงสารและสามารถเกลียดโลกิได้พร้อมกัน การพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต้ำของเขา มันช่างดูเศร้าสร้อยซะเหลือเกิน

หรือดาราที่มารับบทเป็นแขกรับเชิญอย่าง “เซอร์ แอนโธนี่ ฮ๊อปกินส์” ท่านรับบทดโอดินและทรงพลังเป็นอย่างมาก ถึงขั้นขนลุกกันเลยทีเดียว, ผู้กำกับและเป็นนักแสดงชาวอังกฤษ อย่าง เคนเนท บราน่าห์ นักแสดงที่เล่นหนังสไตล์เช๊คสเปียร์ มากำกับหนังเทพเจ้าที่มีองค์ประกอบระดับเช๊คสเปียร์ทั้งการแต่งกายและการพูดให้ใน THOR เคนเนท บราน่าห์ สามารถกำกับหนังออกมาได้อย่างสุดๆ สามารถทำออกมาได้ดีในทุกด้าน ทั้งเนื่อเรื่องและเอฟเฟกต์ต่างๆ มุมกล้องที่ดูเท่และสวยงามในฉากแอ๊คชั่น ฉากแอ๊คชั่นเละเทะขั้นเทพ การตัดต่อที่ยอมรับแบบขั้นเทพ ภาพสวย (แต่แอบเสียดายไม่ยอมกลับมาทำภาค 2)

สรุป
THOR เป็นหนังฮีโร่ที่มีองค์ประกอบอยู่ครบตามสไตล์หนังฮีโร่และสามารถถ่ายทอดทอดออกมาให้อยู่ในระดับ EPIC มหากาพย์ขั้นเทพ สนุกครบรส หัวเราะ ดราม่า จัดเต็มอลังการขั้นเทพ, และ THOR จะเป็น 1 ในอาวุธลับอีกชิ้นนึงที่จะเผยโฉมใน THE AVENGERS สมดั่งฉายาพลังอันยิ่งใหญ่ของทีมอเวนเจอร์ (MIGHTY AVENGERS)

 

ความยาวทั้งหมด 115 นาที
สนุกแบบจัดเต็ม จัดหนักขนาดนี้ เอาไปเลย 9/10